13 February 2010

รับอิสลามเป็นมุสลิมได้อย่างไร?

จะรับอิสลามและเป็นมุสลิมได้อย่างไร?

ความหมายของคำว่า "มุสลิม" หมายถึงการที่บุคคลหนึ่งยอมจำนนต่อพระเจ้า ซึ่งไม่ว่าจะมีเชื้อชาติ สัญชาติ วัฒนธรรม หรือภาษาใดก็ตาม การที่จะเป็นมุสลิมนั้นเป็นสิ่งที่ง่ายและมีวิธีการที่ไม่ยุ่งยากและไม่มีอะไรซับซ้อน คนคนหนึ่งอาจจะรับอิสลามเพราะความพอใจโดยส่วนตัวของเขาหรืออาจจะเป็นเพราะได้รับอิทธิพลจากคนรอบข้างก็เป็นได้ใครที่มีความปรารถนาอย่างจริงจังเพื่อเป็นมุสลิม พร้อมทั้งมีสำนึกที่เต็มเปี่ยมและศรัทธาอย่างเชื่อมั่นว่าอิสลามเป็นศาสนาที่แท้จริงของพระผู้เป็นเจ้า สิ่งเดียวที่เขาต้องทำคือการกล่าวปฏิญานตนหรือที่เรียกว่า "ชะฮาดะฮฺ" นั่นคือถ้อยคำอันเป็นพยานแห่งการศรัทธา โดยไม่ต้องรีรอสิ่งใด "ชะฮาดะฮฺ" คือสิ่งแรกและเป็นประการสำคัญที่สุดในจำนวนหลักการอิสลามทั้งห้า
ด้วยการกล่าวปฎิญานตนหรือกล่าว "ชะฮาดะฮฺ" ในสภาพที่ศรัทธามั่นและสำนึกอย่างบริสุทธิ์ใจ คนผู้หนึ่งก็จะเข้าไปอยู่ในขอบเขตแห่งอิสลามและกลายเป็นมุสลิมโดยทันที

เมื่อเข้าอยู่ในอิสลามและเป็นมุสลิมด้วยความบริสุทธิ์ใจโดยหวังในความพอพระทัยของพระผู้เป็นเจ้าแล้ว บาปทั้งหมดที่ผ่านมาของคนผู้นั้นก็จะถูกอภัยให้แก่เขา และเขาจะได้เริ่มชีวิตใหม่ตามแบบฉบับแห่งความศรัทธาและคุณธรรมความดี ท่านศาสนทูตมุหัมมัด (ขออัลลอฮฺประทานความพรและสันติสุขแก่ท่าน) ได้กล่าวแก่คนผู้หนึ่งที่เข้ารับอิสลามกับท่านแล้ววางเงื่อนไขว่าต้องการให้พระผู้เป็นเจ้าอภัยโทษให้กับเขาทั้งหมด ท่านกล่าวแก่เขาว่า "ท่านไม่ทราบดอกหรือว่า การที่ท่านเข้ารับอิสลามนั้นจะลบล้างความผิดทั้งหมดที่ท่านกระทำก่อนหน้านี้ ?" (บันทึกโดยอิมาม มุสลิม)

เมื่อผู้ใดรับอิสลาม โดยสามัญสำนึกแล้วย่อมจะเสียใจในแนวทางและความเชื่อของชีวิตเขาก่อนหน้านี้ เขาไม่จำเป็นต้องแบกรับบาปต่างๆ ที่ผูกมัดเขาก่อนที่จะรับอิสลาม บันทึกชีวิตของเขาจะสะอาดหมดจดประหนึ่งเพิ่งคลอดออกจากท้องมารดาใหม่อีกครั้ง และควรอย่างยิ่งที่เขาจักต้องรักษาความสะอาดบริสุทธิ์นี้ไว้ตลอดไปเท่าที่มีความสามารถ พร้อมทั้งต้องมุ่งมั่นกระทำความดีให้มากที่สุดเท่าที่จะปฏิบัติได้
พระมหาคัมภีร์อัลกรุอานและวจนะของท่านศาสนทูตได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการตอบรับอิสลาม ดังที่พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสความว่า "แท้จริงศาสนา ณ อัลลอฮฺ(พระผู้เป็นเจ้า)นั้นคืออิสลาม" (อัลกรุอาน 3:19)
ในอีกโองการหนึ่งพระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสความว่า "และผู้ใดแสวงหาศาสนาหนึ่งศาสนาใดอื่นจากอิสลามแล้ว ศาสนานั้นก็จะไม่ถูกรับจากเขาโดยเด็ดขาด และในปรโลกเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน" (อัลกุรอาน 3:85)
ในถ้อยคำอื่น ท่านศาสนทูตมุหัมมัดได้กล่าวว่า "ผู้ใดที่ปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ต้องเคารพสักการะนอกจากอัลลอฮฺโดยไม่ตั้งภาคีใดๆ ต่อพระองค์ และปฏิญาณว่ามุหัมมัดนั้นเป็นบ่าวและศาสนทูตของพระองค์ และปฏิญาณว่าอีซา(เยซู)นั้นเป็นบ่าวของพระผู้เป็นเจ้า เป็นถ้อยคำของพระองค์ที่เป่าลงสู่มัรยัม(มาเรีย) (หมายถึงพระผู้เป็นเจ้าได้สร้างเยซูด้วยคำสั่งของพระองค์ว่า "จงเป็น") และเป็นวิญญาณที่พระองค์สร้างขึ้น พร้อมทั้งปฏิญาณว่าสวรรค์นั้นมีจริงและนรกนั้นมีจริง พระองค์จะทรงนำเขาสู่สวรรค์ตามแต่สภาพการปฏิบัติคุณความดีของเขาผู้นั้น" (บันทึกโดย อิมาม อัล-บุคอรีย์)
ท่านศาสนทูตยังได้กล่าวอีกว่า "แท้จริงแล้ว พระผู้เป็นเจ้าจะทรงห้ามไม่ให้เข้านรกแก่ผู้ที่ปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ต้องเคารพสักการะนอกจากอัลลอฮฺ โดยบริสุทธิ์ใจเพื่อพระพักตร์ของพระองค์" (บันทึกโดย อิมาม อัล-บุคอรีย์)


การกล่าวปฏิญาณหรือ "ชะฮาดะฮฺ"
บุคคลที่ต้องการรับอิสลามและเป็นมุสลิม จะต้องกล่าวคำปฏิญาณข้างล่างนี้ด้วยสำนึกที่จริงจังและเข้าใจในความหมายของมัน นั่นคือ
"อัชฮะดุ อัลลา อิลาฮะ อิลลัลลอฮฺ, วะอัชฮะดุ อันนะ มุหัมมะดัร รอซูลลุลลอฮฺ"
ความหมายก็คือ "ฉันขอปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ต้องเคารพสักการะนอกจากอัลลอฮฺ และฉันขอปฏิญาณว่ามุหัมมัดนั้นเป็นศาสนทูตของอัลลอฮฺ"
เมื่อได้กล่าวปฏิญานตนด้วยความเชื่อมั่นเช่นนั้นแล้ว เขาก็จะกลายเป็นมุสลิม การกล่าวปฏิญาณสามารถกระทำด้วยตนเองเพียงลำพังได้ แต่มันจะดีกว่าถ้ากระทำโดยมีคนแนะนำผ่าน วรรคแรกของคำปฏิญานตนประกอบด้วยสัจธรรมอันสำคัญที่ว่า พระผู้เป็นเจ้าได้ประกาศแก่มนุษย์ว่า ไม่มีสิ่งใดที่คู่ควรและมีค่าแก่การสรรเสริญสักการะกราบไหว้ ยกเว้นพระผู้เป็นเจ้าซึ่งมีอำนาจเหนือทุกอย่าง พระองค์ได้ตรัสในมหาคัมภีร์อัลกุรอานความว่า "และเรา(พระผู้เป็นเจ้า)มิได้ส่งศาสนทูตคนใดก่อนหน้าเจ้า(มุหัมมัด) นอกจากเราได้ประทานวิวรณ์แก่เขาว่า แท้จริงไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากข้า ดังนั้นพวกเจ้าจงเคารพภักดีต่อข้า”












No comments:

Post a Comment