Profiterole

แป้ง 100 g
เนย 3 g
ตีผง custard 4 ช้อนโต๊ะ
ตีผง custard 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทรายแดง 600 ml
นม 2 ช้อนโต๊ะ
กาแฟ (ละลาย 2 ช้อนโต๊ะ )
กาแฟสำเร็จรูปใน 2 ช้อนโต๊ะ
กาแฟสำเร็จรูปใน 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำร้อน (ใช้ Nescaféผสม) 284 ml
ครีมโรยหน้า100g
น้ำตาลสำหรับช็อคโกแลตเข้ม SAUCE 100 g
เนย 50 ml
น้ำตาลสำหรับช็อคโกแลตเข้ม SAUCE 100 g
เนย 50 ml
วิธีทำ
- กรองแป้งลงในชามและคนในเหน็บแนมของเกลือใส่เนย 200ml และน้ำเย็นลงในถาดนำไป ต้มกลิ้งแล้วถอดร้อน
- เคล็ดลับในแป้งและเกลือและคนเพื่อวางรูปแบบเรียบตอนนี้ตีผสมจนเริ่มมาจากด้านของถาดแล้วปลายเข้าแผ่น และปล่อยให้เย็น
- เตาอบความร้อนเพื่อ 200 C/fan 180C/gas 6 วางกลับสู่กระทะแล้วค่อยๆ ตี ในไข่ที่ผสมลงแล้วอบ สำหรับ 20-25 นาที จนเป็นสีทอง นำออกจากเตาอบ ให้แห้งบนชั้นวางสายก่อนกรอก
- สำหรับการกรองที่ผสม ผง custard และ น้ำตาล สาดนมจนกว่าจะเรียบ นมร้อน ที่เหลือจากนั้นคนในวางเทผสมลง ในกระทะและนำไปต้ม ให้สุกคุก 5 นาที จนกว่าcustard จะมีความหนาพอดี
- คนในกาแฟแล้วปล่อยให้เย็น เบาตักครีมคลุกในน้ำตาลเคลือบน้ำแข็งและผสมแล้ว พับเป็น custard ท่อครีมเป็นมวย แต่ละสำหรับซอส ให้ละลายช็อคโกแลตและเนย กับกาแฟในชามในไมโครเวฟ ในกลางสำหรับ 1-2 นาทีกรอกใน ช็อกกเล็ตโที่ผสมกันแล้วราด
Cakewhite Chocolate Orio

ส่วนประกอบ
2 ปอนด์ น้ำตาล 85 กรัม
เนย 200 กรัม แป้งเค้ก 1 1/2 ถ้วย
นมเปรี้ยว 150 กรัม เบกกิ้งโซดา 3/4 ช้อนชา
ผงฟู 1 1/2 ช้อนชา
โอรีโอบุบ 1/2 ถ้วย ไข่ไก่ 2 ฟอง
โอรีโอบุบ 1/2 ถ้วย ไข่ไก่ 2 ฟอง
ช็อคโกแลตขาว/ ช็อคโกแลตดำ อย่างละ 50 กรัม
เกลือเล็กน้อย
วิธีทำ
1. ตีเนย น้ำตาล เกลือ จนขึ้น เติมไข่ไก่ทีละฟอง ใส่แป้ง ผงฟู เบกกิ้งโซดาที่ร่อนแล้ว และนมเปรี้ยว ตีให้เนียนจนเข้ากัน
2. เติมโอรีโอบุบ ใช้ไม่พายคนจนเข้ากันอีกครั้ง เทลงในถาดที่เตรียมไว้ นำเข้าเตาอบความร้อน 350 องศา F
ประมาณ 35 นาที จนสุก
3. เมื่อเค้กเย็นแล้วนำมาสไลซ์ขวางราด้วยช็อคโกแลตขาวต้มละลายแล้ว และแต่งหน้าด้วยช็อคโกแลตดำอีกครั้ง
Cake Chip Vanila

ส่วนประกอบ
แป้งเค้ก 2 1/2
ถ้วยตวงน้ำตาล 1 1/2
ถ้วยตวงน้ำตาล 1 1/2
ถ้วยตวงผงฟู 1/2 ช้อนโ
ต๊ะเกลือ 1 ช้อนชา
น้ำมัน 1/2 ถ้วยตวงไข่แดง 5 ฟอง
น้ำเย็น 3/4 ถ้วยตวง
กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
ไข่ขาว 8 ฟอง
ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/4 ช้อนชา
วิปปิ้งครีม 300 กรัม
น้ำตาลไอซิ่ง 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- ตั้งเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เตรียมพิมพ์ปล่องสำหรับอบเค้ก ทาเนยบางๆ ให้ทั่ว- ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ ลงในชาม จากนั้นเติมน้ำตาลลงไป คนให้เข้ากัน- ใส่ไข่แดงลงไปพร้อมกันทีเดียว ตามด้วยน้ำมัน น้ำเย็น และกลิ่นวานิลลา คนให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
- ตีไข่ขาวกับครีมออฟทาร์ทาร์เร็วๆ ในชามสะอาดจนขึ้นฟู คล้ายมูสใส่ผม
- ตักส่วนผสมของแป้งใส่ลงในไข่ขาวทีละนิด ตะล่อมให้เข้ากันอย่างเบามือ เพื่อไม่ให้ไข่ขาวยุบตัวจนเป็นเนื้อเดียว
- เทใส่พิมพ์ อบประมาณ 50-60 นาที หรือ จนเค้กสุก นำออกจากเตา ทิ้งไว้ให้เย็นบนตะแกรงก่อนคว่ำออกจากพิมพ์
- ทำครีมสำหรับทาหน้าเค้ก โดยตีวิปปิ้งครีมที่เย็นจัดกับน้ำตาลไอซิ่งให้ขึ้นฟูเหมือนครีมโกนหนวด ค่อยๆปาดลงไปบนเค้กที่เย็นสนิท
- แต่งหน้าด้วยผลไม้ หรือท็อปปิ้งต่างๆ ตามใจชอบ
Tard Chocolate

ส่วนประกอบ
แป้ง แป้งเค้ก 1 ถ้วย
แป้งขนมปัง 1 ถ้วย
น้ำตาลไอซิ่ง 1/2 ถ้วย
น้ำตาลไอซิ่ง 1/2 ถ้วย
เนยสดชนิดจืด 1/2 ถ้วย
ไขไก่ (60 กรัม) 2 ฟอง
อัลมอนด์บดหยาบ 1/4
ถ้วยผงชาเขียวสำหรับโรยหน้า
ไส้ ผงชาเขียว 1 ช้อนโต๊ะ
ไส้ ผงชาเขียว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำร้อน 3 ช้อนโต๊ะ
วิปปิ้งครีม 1 ถ้วย
น้ำเชื่อม 1 ถ้วย
ช็อกโกแลตแท่งชนิดเข้มข้นหั่นชิ้น 1 ถ้วย
วิธีทำ
- ทำแป้งทาร์ตโดยร่อนแป้งเค้ก แป้งขนมปัง และน้ำตาล ใส่ลงอ่างผสม พักไว้
- จากนั้นหั่นเนยสดเป็นชิ้นเล็กลงใส่ลงในอ่างผสมเครื่องตี ใช้หัวตีรูปใบพัดตีด้วยความเร็วต่ำ 5 นาที หรือเนยมีลักษณะขึ้นฟูเป็นครีมนวล จึงค่อยๆ
- จากนั้นหั่นเนยสดเป็นชิ้นเล็กลงใส่ลงในอ่างผสมเครื่องตี ใช้หัวตีรูปใบพัดตีด้วยความเร็วต่ำ 5 นาที หรือเนยมีลักษณะขึ้นฟูเป็นครีมนวล จึงค่อยๆ
- ใส่แป้งที่ร่อนลงไปตีให้เข้ากัน ต่อยไข่ใส่ลงไป ตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน จึงใส่อัลมอนด์หยาบลงไปตีให้เข้ากัน ปิดเครื่อง ตักใส่กล่องพลาสติก ปิดฝา นำเข้าแช่ในตู้เย็นช่องแช่แข็งนาน 2 ชั่วโมง
- ทำไส้โดยละลายผงชาในน้ำร้อนจากนั้นใส่น้ำชาลงหม้อต้ม ตามด้วยวิปปิ้งครีม ต้มด้วยไฟกลาง เมื่อเดือดเติมน้ำเชื่อมและช็อกโกแลต ลดเป็นไฟอ่อน ใช้พายไม้คนตลอด จนมีลักษณะข้นเหมือนมายองเนสปิดไฟพักไว้
- นำแป้งทาร์ตออกจากตู้เย็น นวดให้แป้งนิ่ม จากนั้นรีดแป้งทาร์ตด้วยไม้คลึงให้บาง แล้วม้วนแป้งทาร์ตให้รอบไม้คลึง จึงค่อยๆ วางแผ่นแป้งทาร์ตลงบนพิมพ์ทาร์ตที่วางเรียงไว้ ใช้มือกดแผ่นแป้งทาร์ตให้พอดีพิมพ์
- ใช้ส้อมจิ้มเพื่อไม่ให้แป้งพองตัวเวลาสุก นำพิมพ์แป้งทาร์ตเข้าอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ใช้เวลา 10 – 15 นาที ยกออกจากเตา พักให้เย็นจึงนำแป้งออกจากพิมพ์ ตักไส้ใส่ในแป้งที่อบแล้ว โรยด้วยผงชาเขียว จัดใส่จาน เสิร์ฟ
- ทำไส้โดยละลายผงชาในน้ำร้อนจากนั้นใส่น้ำชาลงหม้อต้ม ตามด้วยวิปปิ้งครีม ต้มด้วยไฟกลาง เมื่อเดือดเติมน้ำเชื่อมและช็อกโกแลต ลดเป็นไฟอ่อน ใช้พายไม้คนตลอด จนมีลักษณะข้นเหมือนมายองเนสปิดไฟพักไว้
- นำแป้งทาร์ตออกจากตู้เย็น นวดให้แป้งนิ่ม จากนั้นรีดแป้งทาร์ตด้วยไม้คลึงให้บาง แล้วม้วนแป้งทาร์ตให้รอบไม้คลึง จึงค่อยๆ วางแผ่นแป้งทาร์ตลงบนพิมพ์ทาร์ตที่วางเรียงไว้ ใช้มือกดแผ่นแป้งทาร์ตให้พอดีพิมพ์
- ใช้ส้อมจิ้มเพื่อไม่ให้แป้งพองตัวเวลาสุก นำพิมพ์แป้งทาร์ตเข้าอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ใช้เวลา 10 – 15 นาที ยกออกจากเตา พักให้เย็นจึงนำแป้งออกจากพิมพ์ ตักไส้ใส่ในแป้งที่อบแล้ว โรยด้วยผงชาเขียว จัดใส่จาน เสิร์ฟ
Caramel Custard

ส่วนประกอบ
นมสดชนิดจืด 2 ถ้วย
วานิลลา 1 ช้อนชา
ไข่แดงของไข่ไก่ 2 ฟอง
ไข่ไก่ทั้งฟอง 2 ฟอง
น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
วิธีทำ
1. เปิดเตาอบให้ร้อนเตรียมไว้ที่ 200 องศาเซลเซียส
2. ทำคาราเมลเตรียมไว้โดยตวงน้ำตาล 1/2 ถ้วยใส่พิมพ์อะลูมิเนียม พิมพ์ละ 2 ช้อนโต๊ะ ตั้งไฟอ่อน ค่อยๆ เอียงให้น้ำตาลไหลไปทั่วพิมพ์จนละลายหมดและมีสีน้ำตาลอ่อน ระวังอย่าให้ไหม้ พักไว้
3. ทำคัสตาร์ดโดยผสมนมจืดกับวานิลลา ตั้งไฟอ่อนให้เดือด ยกลง พักไว้
4. ผสมไข่ไก่กับน้ำตาลที่เหลือในชามผสม ตีพอไข่แตก ค่อยๆ เทนมในข้อ 3 ลงไป ระวังอย่าให้ไข่สุก ใส่เกลือ ผสมให้เข้ากัน เทลงในพิมพ์คาราเมลที่เตรียมไว้
5. วางพิมพ์ในถาดขอบสูง เทน้ำร้อนใส่ถาดให้มีระดับน้ำเท่ากับระดับส่วนผสมในพิมพ์ นำถาดไปตั้งไฟ พอเริ่มเดือดจึงนำถาดไปใส่เตาอบประมาณ 40 นาทีหรือจนสุก ยกออก ตั้งไว้ให้เย็นจึงนำเข้าตู้เย็น
6. เมื่อจะเสิร์ฟจึงนำพิมพ์ขนมออกจากตู้เย็น กรีดขอบด้านในพิมพ์ด้วยมีด นำจานที่จะจัดขนมเสิร์ฟคว่ำปิดลงบนพิมพ์ แล้วพลิกจานกลับให้หงายขึ้น เสิร์ฟ
Blueberry Cheesecake

ส่วนผสมวานิลลาสปองจ์
แป้งเค้ก 115 กรัม
ผงฟู 2 กรัม
ไข่ไก่ 4 ฟอง
น้ำตาลทราย 135 กรัม
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
นมข้นจืด 35 กรัม
เนยละลาย 80 กรัม
น้ำเปล่า 45 กรัม
S.P. 1 ช้อนโต๊ะ
กลิ่นวานิลลา
วิธีทำวานิลลาสปองจ์
1. ร่อนแป้งเค้กและผงฟูเข้าด้วยกัน พักไว้
2. ตีไข่ไก่ เกลือป่น น้ำตาลทราย และ S.P. ด้วยหัวตีตะกร้อใช้ความเร็วต่ำพอเข้ากัน
3. เติมส่วนผสมแป้งในข้อที่ 1 ลงผสม ตีต่อด้วยความเร็วปานกลางกระทั่งส่วนผสมขึ้นฟูจนเป็นสีขาว
4. เติมนมข้นจืด เนยละลาย น้ำเปล่า และกลิ่นวานิลลาลงในส่วนผสม ตะล่อมให้เข้ากันโดยใช้ตะกร้อมือ
5. เทส่วนผสมที่ได้ใส่ถาดที่รองด้วยกระดาษรองอบแล้วปาดให้เนียนเรียบเสมอกัน
6. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 220 องศาเซลเซียส นานประมาณ 20 นาที หรือจนเนื้อสปองจ์สุก
7. รอจนเนื้อสปองจ์เย็นตัวลง จึงใช้พิมพ์กดและใช้รองเป็นฐานส่วนผสมชีสเค้ก
ครีมชีส
ครีมชีส
ส่วนผสมชีสเค้ก
ครีมชีส 500 กรีม
น้ำตาลทราย 175 กรัม
ไข่ไก่ 2 ฟอง
ไข่แดง 2 ฟอง
แป้งเค้ก 24 กรัม
ครีมสด 120 มิลลิลิตร
น้ำมะนาว 2 ผล
บลูเบอร์รี่กระป๋อง 1 กระป๋อง
วิธีทำ
1. ตีครีมชีสด้วยหัวตีใบไม้โดยใช้ความเร็วต่ำ เมื่อครีมชีสเริ่มนิ่มจึงค่อยๆใส่น้ำตาลทรายและแป้งเค้ก ตีต่อจนน้ำตาลทรายผสมเข้ากันดีกับครีมชีส
2. ค่อยๆใส่ไข่ไก่ทีละฟองจนหมด ตามด้วยไข่แดงทีละฟองเช่นกัน ตีต่อด้วยความเร็วต่ำ จนเนื้อขนมเนียน
3. เติมครีมสดและน้ำมะนาวลงในส่วนผสม ตีส่วนผสมทั้งหมดต่อจนกระทั่งเนื้อเนียนสวย
จึงตักใส่พิมพ์ที่รองด้วยวานิลลาสปองจ์เป็นฐาน
จึงตักใส่พิมพ์ที่รองด้วยวานิลลาสปองจ์เป็นฐาน
4. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส นาน 30 นาที หรือจนกระทั่งขนมสุก สังเกตได้จากเมื่อกดที่ผิวขนมไม่เละติดมือ
5. ตกแต่งหน้าขนมด้วยบลูเบอร์รี่กระป๋อง
Royal Iceing

ส่วนประกอบ
น้ำตาลไอซิ่ง 500 กรัม
ไข่ขาว 3 ฟอง
ครีมออฟทาร์ทาร์ 1 ช้อนชา
วิธีทำ
1. ร่อนไอซิ่ง พักไว้
2. ตีไข่ขาวกับครีทออฟทาร์ทาร์ พอขึ้น ไส่ไอซิ่งจนหมด
3. ถ้าแห้งไปก็เติมไข่ขาว ถ้าเหลวไปก็เติมไอซิ่ง
4. แบ่งผสมสี บีบเป็นดอกไม้หรือการ์ตูน รูปสัตว์ต่างๆ โดยบีบลงบนกระดาษลอกลายหรือกระดาษไข พักให้แห้งและแข็ง โดยพักในที่แห้งและไม่โดนแสงมาก เช่น นำไปตากแดดเพราะจะทำให้สีซีด
5. แห้งแล้วแกะออกจากกระดาษ เก็บในภาชนะปิดสนิท อย่าให้มีความชื้น
6. นำไปแต่งเค้กได้ตามความต้องการ
Pine Lamon

ส่วนผสม 1 ปอนด์
คุกกี้วานิลลาตามชอบ 250 กรัม
เนยเหลว 60 กรัม
ไข่ขาว 3 ฟอง
น้ำตาลทรายละเอียด 175 กรัม
แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
ครีมคัสตาร์ดสำเร็จรูป 1 ถ้วย
น้ำมะนาวคั้นสด 4 ช้อนโต๊ะ
ผงเจลาติน 15 กรัม
กลิ่นเลมอนตามชอบ
แยมเลมอน
อัลมอนขูดตามชอบ
วิธีทำ
1. บดคุกกี้ให้ละเอียดนำมาเคล้ากับเนยเหลวเคล้าให้เข้ากัน
2. จากนั้นนำไปใส่ลงในพิมพ์กดให้แน่นเตรียมไว้ ผสมครีมคัสตาร์ด ไข่ขาว น้ำตาล แป้งผงเจลาติน น้ำมะนาว และกลิ่นเข้าด้วยกันแล้วตีจนขึ้นฟู
3. นำมาเทลงบนพิมพ์คุกกี้นำเข้าอบด้วยความร้อน 350 ํF ประมาณ 15 นาทีจนสุก
4. พักให้เย็นลงก่อนทาด้วยแยมเลมอนนำไปแช่ให้เย็น พร้อมเสิร์ฟ
No comments:
Post a Comment